กรมทางหลวง
DEPARTMENT OF HIGHWAYS
ระบบทางหลวงที่สะดวกปลอดภัยเชื่อมโยงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
กรมทางหลวง อัพเดตสถานการณ์น้ำท่วมประจำวันที่ 11 ต.ค. 64 ยังผ่านไม่ได้ 15 สายทาง พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่อง
ลงวันที่ 11/10/2564

กรมทางหลวง อัพเดตสถานการณ์น้ำท่วมประจำวันที่ 11 ต.ค. 64 ยังผ่านไม่ได้ 15 สายทาง พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่อง

                 

กรมทางหลวง ได้ทำการสรุปสถานการณ์อุทกภัยและดินสไลด์บนทางหลวง  สถานการณ์ประจำวันที่ 11 ตุลาคม  2564 เวลา 12.30 น. พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ จ.ขอนแก่น, จ.มหาสารคาม, จ.นนทบุรี, จ.อ่างทอง, จ.พระนครศรีอยุธยา, จ.สุพรรณบุรี, จ.นครสวรรค์ จำนวน 22 สายทาง 50 แห่ง ทางหลวงที่การจราจรผ่านได้ 30 แห่ง  การจราจรผ่านไม่ได้ 15 สายทาง 20 แห่ง

 

 นายสราวุธ ทรงศิวิไล  อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ตามที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือพายุดีเปรสชันเตี้ยนหมู่ โดยให้ดำเนินการตามแผนบรรเทาสาธารณภัยอย่างเคร่งครัด พร้อมวางแนวทางป้องกัน–ฟื้นฟู–เยียวยาหลังสถานการณ์คลี่คลายในทุกมิติ พร้อมทั้งเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที และประชาสัมพันธ์การดำเนินการให้ประชาชนให้รับทราบมีรายละเอียด สถานการณ์ประจำวันที่ 11 ตุลาคม 2564 เวลา 12.30 น. จังหวัดการจราจรที่ผ่านไม่ได้ 7 จังหวัด จำนวน 15 สายทาง 20 แห่ง รายละเอียดดังนี้

1.จังหวัดขอนแก่น จำนวน 5 แห่ง 4 สายทาง ได้แก่

- ทล.2 ท่าพระ – ขอนแก่น พื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่329 มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร

- ทล.12 ขอนแก่น – พรหมนิมิต พื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่565

- ทล.2065 พล – ลำชี พื้นที่ อ.แวงน้อย ช่วง กม.ที่ 33+625 และ กม.ที่ 33+785 น้ำกัดเซาะคันทางสไลด์ การจราจรผ่านไม่ได้

- ทล.2131 บ้านสะอาด – เหล่านางงาม พื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 6 – 7 

2.จังหวัดมหาสารคาม ทล.213 มหาสารคาม – หนองขอน พื้นที่ อ.กันทรวิชัย ช่วง กม.ที่ 5

  1. จังหวัดนนทบุรี 3 แห่ง 3 สายทาง ได้แก่

                      - ทล.302 สะพานพระนั่งเกล้า – ต่างระดับบางใหญ่ พื้นที่ อ.บางบัวทอง ช่วง กม.ที่ 16 และ กม.ที่17

                      - ทล.307 แยกสวนสมเด็จ – สะพานนนทบุรี พื้นที่ อ.ปากเกร็ด ช่วง กม.ที่0

  1. จังหวัดอ่างทอง จำนวน 5 แห่ง 3 สายทาง ได้แก่

                     - ทล.32 นครหลวง – อ่างทอง พื้นที่ อ.บางปะหัน ช่วงกม.ที่32, กม.ที่33, กม.ที่39

                     - ทล.33 นาคู – ป่าโมก พื้นที่ อ.ป่าโมก ช่วงกม.ที่ 36

                     - ทล.309 บางเสด็จ – แยกที่ดิน พื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่52 - 53

  1. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 3 แห่ง 2 สายทาง ได้แก่

                    - ทล.347 บางกระสั้น – บางปะหัน พื้นที่ อ.พระนครศรีอยุธยา ช่วงกม.ที่40

                    - ทล.3263 อยุธยา – ไผ่กองดิน พื้นที่ อ.บางบาล ช่วงกม.ที่ 10 และ 11

  1. จังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 2 แห่ง 2 สายทาง ได้แก่

                     - ทล.33 สุพรรณบุรี – นาคู พื้นที่ อ.เมือง ช่วงกม.ที่9

                     - ทล.340 สาลี – สุพรรณบุรี พื้นที่ อ.บางปลาม้า ช่วงกม.ที่59

  1. จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 1 แห่ง ได้แก่ ทล.1 บ้านหว้า – วังไผ่ พื้นที่ อ.ตาคลี ช่วงกม.ที่339

                 

โดยแขวงทางหลวงในพื้นที่เร่งให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์  พร้อมเร่งระบายน้ำและบำรุงรักษาเส้นทาง โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนและให้ประชาชนได้รับความสะดวกปลอดภัยจากการสัญจรโดยเร็วที่สุดอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง

 

ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้สั่งการให้ สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงทั่วประเทศ เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีพื้นที่ใดประสบปัญหา เจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทันที ตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม  นอกจากนี้กรมทางหลวงได้ติดตั้งป้ายเตือนและอุปกรณ์ความปลอดภัย อุปกรณ์นำทาง ในบริเวณทางหลวงที่ถูกน้ำท่วม พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์จนกว่าจะคลี่คลาย โดยขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางโปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือ ต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อ ได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์สภาพเส้นทางและเส้นทางเลี่ยงได้ที่ทวิตเตอร์กรมทางหลวง @prdoh1


'