กรมทางหลวง
DEPARTMENT OF HIGHWAYS
ระบบทางหลวงที่สะดวกปลอดภัยเชื่อมโยงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
กรมทางหลวงเร่งบรรเทาความเดือดร้อนรถติด ถนนพระราม 2 แนะใช้เส้นทางเลี่ยง
ลงวันที่ 22/07/2562

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผย ภายหลังการประชุมเพื่อหาแนวทางบรรเทา ความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ใช้ถนนพระราม 2 ซึ่งขณะนี้มีโครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 35 ตอน ทางแยกต่างระดับ บางขุนเทียน - เอกชัย ระหว่าง กม.9+800.000 – กม.21+500.000 ระยะทางประมาณ 11.700 กิโลเมตร โดยทาการขยายคันทางเดิมจาก 10 ช่องจราจร เป็น 14 ช่องจราจร เป็นการก่อสร้างขยาย ในช่องทางขนานจาก 2 ช่องจราจร เป็น 3 ช่องจราจร และในช่องทางหลัก จาก 3 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร พร้อมยกระดับสูงขึ้นประมาณ 0.40 – 0.70 เมตร และก่อสร้างสะพานกลับรถเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่ กม. 12+000.000 (แสมดา) และ กม. 16+000.000 (ก่อนถึงซอยพันท้ายนรสิงห์)

ขณะนี้อยู่ระหว่างดาเนินการก่อสร้างขยายคันทางในช่องทางขนาน ซึ่งในเส้นทางดังกล่าวมีปริมาณการจราจรหนาแน่นมาก ทาให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางได้รับความเดือดร้อน จากการประชุม ปัจจุบันพบว่าบริเวณที่เป็นปัญหาหลักก่อให้เกิดการจราจรติดขัดจานวน 3 จุด คือ
1) บริเวณ กม. 13+500 ขาเข้า มีการก่อสร้างในทางขนาน ทาให้เหลือช่องจราจรเพียง 1 ช่อง และเป็นช่วงที่มีรถจากทางขนานวิ่งตัดเข้าสู่เส้นทางหลัก ทาให้เกิดการชะลอตัวของรถบนทางสายหลัก กรมทางหลวงจึงได้เร่งดาเนินการแก้ไขปัญหา โดยการบริหารจัดการจราจรใหม่เพื่อลดการตัดกันของกระแสจราจร นอกจากนี้ในบริเวณดังกล่าว ยังมีจุดจอดรถประจาทางจึงทาเกิดการจราจรชะลอตัว ซึ่งกรมทางหลวงจะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องย้ายตาแหน่งจุดจอดรถประจาทางออกจากบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง พร้อมเร่งรัดจัดทาทางเท้า เพื่ออานวยความสะดวกกับประชาชน และบรรเทาปัญหาการจราจรดังกล่าว
2) บริเวณซอยพันท้ายนรสิงห์ ฝั่งขาออก ซึ่งในซอยดังกล่าวเป็นแหล่งชุมชน มีสถานประกอบการ โรงงาน และที่พักอาศัยจานวนมาก ทาให้มีปริมาณรถเข้า - ออกจากซอยสูง โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวจาเป็นต้องมีการก่อสร้างวางท่อระบายน้าในช่องทางขนาน ทาให้เหลือช่องจราจรเพียง 1 ช่อง ซึ่งกรมทางหลวงได้สั่งการให้เร่งรัดการก่อสร้างบริเวณดังกล่าวพร้อมคืนผิวจราจรให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนสิงหาคม 2562
3) บริเวณฝั่งตรงข้ามซอยวัดพันท้ายนรสิงห์ ฝั่งขาเข้า มีการก่อสร้างในทางขนาน ทาให้เหลือช่องจราจรเพียง 1 ช่อง เป็นเหตุให้มีรถติดสะสม ซึ่งกรมทางหลวงได้สั่งการให้เร่งรัดการก่อสร้างบริเวณดังกล่าวพร้อม ปูผิวจราจรให้แล้วเสร็จครบ 3 ช่องจราจร ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2562นี้

ทั้งนี้ อธิบดีกรมทางหลวงยังกล่าวต่อไปอีกว่า กรณีที่ประชาชนเป็นห่วงพื้นที่ก่อสร้างบริเวณเกาะกลางที่มี การถมทรายแล้วไม่มีเครื่องจักรไปเข้าทางาน กรมทางหลวงขอชี้แจงว่า ในกระบวนการก่อสร้างต้องใช้ระยะเวลารอคอยการทรุดตัวประมาณ 5 เดือน ซึ่งหลังจากระยะเวลาดังกล่าวสิ้นสุดลง กรมทางหลวงจะเร่งรัดให้ผู้รับจ้างเข้าดาเนินการก่อสร้างในระยะต่อไปทันที ในประเด็นเรื่องความหนาของผิวทางที่มีการออกแบบไว้ 13 เซ็นติเมตร แล้วประชาชน เกรงว่าจะเกิดความเสียหายหลังเปิดการใช้งานนั้น กรมทางหลวงได้พิจารณาทบทวน ตามสภาพแวดล้อมและปริมาณการจราจรที่เปลี่ยนแปลงไป และทาการเพิ่มความหนาของผิวลาดยางเป็น 20 เซ็นติเมตรแล้ว สาหรับประเด็นเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้ทาง ได้สั่งกาชับให้ผู้รับจ้าง และผู้ควบคุมงาน ดาเนินการตรวจสอบการติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนา และอุปกรณ์อานวยความปลอดภัยในพื้นที่ก่อสร้างให้ปลอดภัย และเพียงพอกับประชาชนผู้ใช้ทางแล้ว
เมื่อโครงการฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณจราจรที่มีอยู่ในปัจจุบัน และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังลดระยะเวลาการเดินทางของโครงข่ายถนนโดยรอบ ส่งผลให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางได้รับความสะดวก ปลอดภัยในการใช้เส้นทางเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตามกรมทางหลวงขอแนะนาให้ผู้ใช้เส้นทางวางแผนการเดินทาง โดยศึกษาแผนที่ทางเลี่ยงจากเว็บไซด์ของกรมทางหลวงที่ www.doh.go.th หรือ ทาง Facebook กรมทางหลวง นอกจากนี้ กรมทางหลวงจะแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการเปิด-ปิด ช่องจราจร ระหว่างการก่อสร้าง ในช่องทางดังกล่าวด้วย ผู้ใช้ทางสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 โทรฟรี 24 ชม.
ทั้งนี้ กรมทางหลวงขออภัยผู้ใช้ทางที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้าง และขอความร่วมมือผู้ใช้ทาง ได้ปฏิบัติตามกฎ ป้ายเตือน ป้ายแนะนา อย่างเคร่งครัด


'