กรมทางหลวง
DEPARTMENT OF HIGHWAYS
ระบบทางหลวงที่สะดวกปลอดภัยเชื่อมโยงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

ระบายน้ำเลียบถ.บางพลี-ลาดกระบัง

ลงวันที่ 09/04/2561

โครงการระบายน้ำเลียบถนนบางพลี-ลาดกระบัง ถนนร่มเกล้า ถนนนิมิตรใหม่ ถนนหทัยราษฎร์ และถนนสุขาภิบาล 5 (สายใหม่)

 

                  "...การจัดการควบคุมระดับน้ำในคลองสายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดระบบระบายน้ำในกรุงเทพมหานครนั้น สมควรวางระบบให้ถูกต้องตามสภาพการณ์และลักษณะภูมิประเทศซึ่งควรแบ่งออกเป็น 2 แผนด้วยกันคือ แผนสำหรับ ใช้กับในฤดูฝนหรือในฤดูน้ำมากนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการป้องกันน้ำท่วมและ เพื่อบรรเทาอุทกภัยเป็นสำคัญ แต่แผนการระบายน้ำ ในฤดูแล้งนั้น ก็ต้องจัดอีกแบบหนึ่งต่างกันออกไป เพื่อการกำจัดหรือไล่น้ำเน่าเสียออกจากคลองดังกล่าวเป็นหลัก..."

พระราชดำรัส 4 ธันวาคม 2538 


                จากสภาวะน้ำท่วมอย่างรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ. 2523 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หังทรงห่วงใย ในความเดือดร้อนที่เกิดกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในกรุงเทพฯ ได้พระราชดำริการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมไว้ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในระยะสั้นนั้น ให้เร่งดำเนินการเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลโดยใช้ประโยชน์จากคลอง ที่อยู่ฟากฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯให้เป็นทางระบายน้ำ ส่วนในระยะยาว ให้ดำเนินการดังนี้

               - จัดให้มีพื้นที่สีเขียวรอบ ๆ พื้นที่กรุงเทพฯ ให้สามารถแปรสภาพเป็นทางระบายน้ำและเป็นพื้นที่สำหรับเป็นทางไหลผ่านของน้ำที่ท่วมหลากเพื่อออกสู่แม่น้ำได้สะดวกมากขึ้น

               - สร้างสถานีเก็บกักน้ำตามจุดต่าง ๆ เช่น ตามบึงขนาดใหญ่ 
               - สร้างทำนบป้องกันน้ำจากด้านตะวันออก ไม่ให้ไหลเข้ากรุงเทพฯตลอดจน ขุดคลองหลักต่าง ๆ ในพื้นที่ด้านตะวันออก เพื่อให้เป็นทางน้ำไหลลงสู่อ่าวไทย 
               - ขุดลอกทางน้ำที่มีอยู่เดิม อาทิ คลองแสนแสบ คลองผดุงกรุงเกษม คลองกระจะ และคลองอื่น ๆ ที่เชื่อมต่อกับคลองแสนแสบ  
 

               ต่อมาใน พ.ศ. 2526 ได้เกิดน้ำท่วมหนักในกรุงเทพฯ อีกครั้ง ด้วยพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยพสกนิกร ของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จ ฯ ตรวจพื้นที่น้ำท่วมและทรงแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ในพื้นที่ด้วยพระองค์เองถึง 6 ครั้งด้วยกัน

               8 ตุลาคม เสด็จ ฯ โดยเฮลิคอปเตอร์ ทอดพระเนตรน้ำท่วมบริเวณซอยศูนย์วิจัย ลาดพร้าว บางกะปิ พระโขนงและสำโรง 
               19 ตุลาคม เสด็จ ฯ โดยเรือยนต์ของกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ไปตามคลองแสนแสบ เพื่อตรวจการก่อสร้างทำนบคลองแสนแสบตามพระราชดำริ 
               27 พฤศจิกายน เสด็จ ฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งทอดพระเนตรสภาพน้ำท่วมบริเวณซอยศูนย์วิจัย 
               14 พฤศจิกายน เสด็จ ฯ โดยรถยนต์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรสภาพนั้าท่วมบริเวณ เขตพระโขนงและแขวงบางนา 
               24 พฤศจิกายน เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรสภาพน้ำท่วมบริเวณ คลองพระยาราชมนตรีและทรง พระดำเนินลุยน้ำผ่านทุ่งนาไปยังประตูระบายน้ำคลองพระยาราชมนตรี เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร 
               27 พฤศจิกายน เสด็จ ฯ โดยรถยนต์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรสภาพน้ำท่วมบริเวณ คลองลาดกระบังและคลองหนอง บอนผ่านตามแนวถนนบางพล 

               กรมทางหลวงได้น้อมรับพระราชดำริ ด้วยการจัดเร่งระบายน้ำบนพื้นที่ด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ ให้ไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทยโดยเร็วที่สุด เพื่อมิให้น้ำสะสมจนท่วมขังก่อความเดือนร้อนต่อประชาชน โดยให้สำนักทางหลวง แขวงการทาง ดูแลขุดลอกคลองตามธรรมชาติที่ไหลผ่านทางหลวงให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะรองรับปริมาณน้ำให้ไหลผ่าน ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งได้ประสานงานร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรุงเทพมหานคร กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า ในการดำเนินงานขุดลอกคูคลอง การปรับปรุงประตูระบายน้ำ เครื่องสูบน้ำและขยายช่องทางน้ำที่ตีบตันแคบลง เพื่อให้การระบายน้ำมีประสิทธ์ภาพสามารถเร่งระบายลงสู่ทะเลอ่าวไทยได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นพื้นที่รองรับน้ำที่ไหลบ่ามาจากทางด้านเหนือระบายลงสู่ทะเลอ่าวไทยโดยแม่น้ำสายหลัก คือ แม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีนด้านทิศตะวันตก ในส่วนของด้านตะวันออกเป็นพื้นที่ลุ่ม มีคลองและแม่น้ำเส้นเล็กๆ เช่น แม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางปะกง เป็นเส้นทางระบายน้ำแต่ความสามารถในการระบายน้ำมีข้อจำกัด ทำให้มักเกิดปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ส่วนนี้ ต่อเนื่องลึกเข้าไปสู่พื้นที่ชั้นกลางและชั้นในของกรุงเทพฯ

สาเหตุของน้ำท่วมในพื้นที่ด้านตะวันออกเพราะเป็นพื้นที่ลุ่ม อีกทั้งยังรองรับน้ำจากส่วนต่าง ๆ กัน ดังนี้

               1. น้ำจากด้านเหนือ ไหลบ่ามาจากเขื่อนเจ้าพระยา ที่จังหวัดชัยนาท และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่จังหวัดลพบุรี ไหลข้ามพื้นที่ด้านตะวันออกลงสู่ทะเลทางด้านใต้ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางของน้ำค่อนข้างมาก เนื่องจากพื้นที่มีความลาดชันต่ำ ทำให้น้ำไหลได้ช้า จนเกิดการสะสมของปริมาณน้ำจำนวนมากในพื้นที่ กลายเป็นปัญหาน้ำท่วมขัง ปัจจุบัน กรมทางหลวงได้ขุดลอกท่อและโครงสร้างทางระบายน้ำ ตามรอยพระหัตถ์เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งช่วยให้การระบายน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยกำหนดให้น้ำเหนือที่ไหลจากด้านเหนือไหลเข้าสู่คลองระพีพัฒน์ แยกใต้บริเวณอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ไหลลงสู่คลอง 13 และ 14 ซึ่งจะมีปริมาณน้ำส่วนหนึ่งไหลไปตามคลองรังสิตมาตามคลอง 13 ผ่านพื้นที่เขตหนองจอกลงสู่คลองแสนแสบ แล้วเบี่ยงไปทางด้านตะวันออกลงสู่คลองนครเนืองเขตไหลลง แม่น้ำบางปะกงลงสู่ทะเลต่อไป สำหรับคลองที่มีการขุดลอกและปรับปรุงประตูระบายน้ำเพื่อรองรับเส้นทาง ระบายน้ำตามลายพระหัตถ์ ได้แก่ ปากคลอง 33 ปากคลองลาดผักขวง ปากคลอง 1 อ และท้ายคลอง 1 อ การเสริมคันคลองลาดผักขวงและคลอง 1 อ (บางส่วน) การปรับปรุงประตูน้ำพระธรรมราชา และการก่อสร้างประตูระบายน้ำกลางคลองรังสิตประยูรศักดิ์ การดำเนินงานดังกล่าวจะช่วยให้ปริมาณน้ำ จากด้านเหนือไม่ต้องไหลผ่านพื้นที่ลุ่มด้านตะวนออกของกรุงเทพฯ ทั้งหมด โดยน้ำส่วนใหญ่จะเร่งระบาย ลงสู่แม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางปะกงและแม่น้ำปราจีน เพื่อระบายลงสู่ทะเลอ่าวไทย

               2. ปริมาณน้ำฝนและน้ำใช้น้ำทิ้งของอาคารบ้านเรือน โรงงานของประชาชนจำนวนมากในพื้นที่รับน้ำ (Catchment Area) ด้านตะวันออก เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดน้ำท่วมขัง เนื่องจากมีการก่อสร้างอาคารโครงสร้างต่าง ๆ โดยเฉพาะการถมดินก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ (หนองงูเห่า) ทำให้กีดขวางการไหลของน้ำและสูญเสียพื้นที่ รองรับน้ำกว่า 20,000 ไร่ ที่เคยใช้เป็นพื้นที่กักเก็บน้ำทางด้านฝั่งตะวันออก ก่อนที่จะค่อยๆ ระบายไหลไปตามคูคลอง ซึ่งมีขนาดเล็ก ความสามารถในการเร่งระบายมีจำกัด เช่น คลองลาดกระบัง คลองบางโฉลง คลองจระเข้ใหญ่ และคลองเสาธง ก่อนจะไหลสู่คลองสำโรง คลองชายทะเล ลงสู่อ่าวไทย และเนื่องจากความลาดชันของท้องคลองมีน้อย น้ำที่ไหลด้วย Gravity Flow จึงต้องใช้เวลานานในการไหลระบายลงสู่ทะเลด้านใต้ ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมพื้นที่ 2 ข้างคลอง ซึ่งเดิมมีโครงการพระราชดำริป้องกันไม่ให้น้ำท่วมขังทางด้านตะวันออกนี้ ไหลเข้าท่วมพื้นที่ตัวเมือง สมุทรปราการและพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นกลาง ได้แก่ เขตดอนเมือง บางเขน บึงกุ่ม ลาดพร้าว บางกะปิ สวนหลวง ประเวศ พระโขนง และพื้นที่ใน เช่น คลองเตย ราชเทวี ปทุมวัน สาทร ป้อมปราบ พญาไท

 
               กรมทางหลวง  จึงทำการก่อสร้างคันกั้นน้ำ ตั้งแต่ถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 3) เลียบทางหลวงสายบางพลี-ลาดกระบัง สาย 3119 ร่มเกล้า ถนนนิมิตรใหม่ ถนนหทัยราษฎร์ และถนนสุขาภิบาล 5 (สายไหม) สิ้นสุดบริเวณจุดบรรจบคลองสองสายใต้กับคลองหกวา ในส่วนของกรมชลประทาน ได้มีการศึกษาแนวทางเร่งการระบายน้ำ โดยการขุดอุโมงค์จากบริเวณชายทะเลอ่าวไทยลอดไปออกคลองสำโรง เพื่อดึงน้ำจากพื้นที่ตะวันออกให้ไหลลงสู่ทะเลด้านใต้ได้เร็วขึ้น

               3. การขึ้น-ลงของน้ำทะเลอ่าวไทย ทำให้น้ำทะเลหนุนไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ด้านล่างบริเวณไกล้ทะเลขณะน้ำขึ้น และน้ำจากพื้นที่ด้านบนไม่สามารถระบายไหลลงสู่ด้านล่างได้สะดวก เกิดน้ำท่วมขังในด้านทิศตะวันออก กรมทางหลวง จึงได้ดำเนินการตามโครงการพระราชดำริแก้มลิง โดยใช้แนวถนนสุขุมวิทเป็นคันกั้นน้ำทะเล ที่หนุนท่วมขึ้นมาบนชายฝั่งทะเล และใช้พื้นที่ด้านในของถนนสุขุมวิทเป็นพื้นที่พักน้ำที่ไหลมาจากตอนบน พร้อมทั้งประสานกับกรมชลประทานและกรมโยธาธิการดำเนินการก่อสร้างสถานีสูบน้ำตามคลองต่าง ๆ เลียบถนนสุขุมวิทตามแนวคลองชายทะเล โดยมีประสิทธิภาพในการสูบน้ำ ดังนี้

                    3.1 คลองตำหรุ 24 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 
                    3.2 คลองบางปลาร้า 42 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 
                    3.3 คลองบางปลา 42 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 
                    3.4 คลองเจริญราษฎร์ 75 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 
                    3.5 คลองด่าน 2 24 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 
                    3.6 คลองชลหารพิจิตร 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

               จากการดำเนินการในครั้งนี้ สามารถรวมปริมาณน้ำที่สามารถสูบออกทะเล 267 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้น้ำตามคลองต่าง ๆ ของพื้นที่ด้านบนสามารถไหลลงสู่ด้านล่างได้สะดวกรวดเร็วขึ้น เป็นการสนองพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระประสงค์จะให้พสกนิกรกรุงเทพฯ และปริมณฑล รอดพ้นจากภัยน้ำท่วม


'